ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฏิบัติ

วิปัสสนาเป็นวิธีการปฏิบัติกรรมฐานที่เก่าแก่ที่สุดวิธีหนึ่งของอินเดีย ซึ่งได้สาบสูญไปจากมนุษยชาติมาเป็นเวลานาน แต่ก็ได้ถูกค้นพบอีกครั้งโดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อกว่า 2500 ปี วิปัสสนา หมายถึงปัญญาที่เห็นแจ้งสิ่งทั้งหลายตามที่เป็นจริง อันเป็นกระบวนการชำระจิตให้บริสุทธิ์โดยการเฝ้าสังเกตุตนเอง โดยเริ่มต้นจากการสังเกตลมหายใจ เพื่อให้จิตเป็นสมาธิ เมื่อมีสติแหลมคมมากขึ้น จะเป็นการสังเกตธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปของร่างกายและจิตใจ ทำให้ได้พบกับสัจธรรมที่เป็นสากลของความไม่เที่ยง ความทุกข์ และความไร้อัตตาตัวตน การเห็นแจ้งสภาวะธรรมตามความเป็นจริงด้วยประสบการณ์ตรงนี้เป็นการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ธรรมะเป็นของสากล มีไว้สำหรับแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มิได้ผูกขาดเฉพาะศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือลัทธิใดลัทธิหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงสามารถปฏิบัติได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ โดยไม่มีข้อขัดแย้งอันเนื่องมาจากเชื้อชาติ ชนชั้นวรรณะ หรือศาสนา และพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน 

 

วิปัสสนานั้นมิใช่อะไร:

  • ไม่ใช่พิธีกรรมที่มีพื้นฐานทางความเชื่อถืออย่างงมงาย 
  • ไม่ใช่เรื่องบันเทิงทางปัญญาหรือปรัชญา
  • ไม่ใช่การพักฟื้น การหยุดพักผ่อน หรือโอกาสที่จะมาสังสรรค์กัน
  • ไม่ใช่การหลีกหนีจากปัญหาและความยุ่งยากในชีวิตประจำวัน

วิปัสสนาคืออะไร:

  • คือวิธีการในการขจัดความทุกข์ 
  • คือวิธีการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ซึ่งช่วยให้เผชิญกับความตึงเครียดและปัญหาในชีวิตอย่างสงบด้วยจิตที่สมดุล 
  • คือศิลปะของการดำเนินชีวิต ที่จะทำให้เราอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 

เป้าหมายของวิปัสสนากรรมฐานคือ การยกระดับจิตจนบรรลุธรรมขั้นสูงสุดเพื่อการหลุดพ้นโดยสิ้นเชิง มิได้มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อการบำบัดรักษาโรคทางกาย แต่เป็นผลพลอยได้จากการชำระจิตให้บริสุทธิ์ ทำให้อาการป่วยทางจิตถูกขจัดออกไปด้วย แท้จริงแล้ว การปฏิบัติวิปัสสนาช่วยขจัดสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์สามประการ คือ โลภ โกรธ หลง  และด้วยการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง วิปัสสนาจะช่วยลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน และแก้ไขนิสัยความเคยชินเก่าๆ ที่คอยแต่จะมีปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสถานการณ์ที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ด้วยจิตที่ไม่เป็นอุเบกขา

แม้ว่าวิธีการปฏิบัติวิปัสสนาจะถูกค้นพบขึ้นมาใหม่โดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่การปฏิบัติก็มิได้จำกัดอยู่แต่เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาพุทธเท่านั้น จึงไม่มีใครต้องเปลี่ยนศาสนา วิธีปฏิบัติตั้งอยู่บนพื้นฐานง่ายๆที่ว่า มนุษย์ทุกคนต่างประสบปัญหาแบบเดียวกัน ดังนั้นวิธีปฏิบัติที่สามารถขจัดปัญหาเหล่านี้ได้จึงต้องเป็นสากล ผู้คนจากศาสนาต่างๆได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติวิปัสสนา และพบว่ามิได้มีความขัดแย้งกับความเชื่อของตนที่มีอยู่เดิมแต่อย่างใด

วินัยต่อตนเองในการปฏิบัติ

กระบวนการทำจิตให้บริสุทธิ์โดยการปฏิบัติวิปัสสนา มิใช่เป็นเรื่องง่ายอย่างแน่นอน ผู้ปฏิบัติจะต้องปฏิบัติอย่างจริงจัง ผู้ปฏิบัติจะเข้าถึงการรู้แจ้งเห็นจริงด้วยความพยายามของตนเองเท่านั้น ไม่มีใครอื่นที่จะทำแทนได้ ดังนั้นวิปัสสนากรรมฐานจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจอย่างแรงกล้า ที่จะปฏิบัติ และเคร่งครัดต่อระเบียบวินัย ซึ่งมีไว้เพื่อประโยชน์และคุ้มครองผู้ปฏิบัติ และเป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติกรรมฐาน

️ระยะเวลา 10 วันนี้นับว่าสั้นมาก สำหรับการเจาะลึกลงไปถึงระดับจิตไร้สำนึกและเรียนรู้วิธีขจัดความไม่บริสุทธิ์ที่นอนเนื่องอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดให้ออกไปจากจิตใจ การปฏิบัติอย่างต่อเนื่องโดยไม่พูดจาหรือเกี่ยวข้องกับใคร เป็นเคล็ดลับความสำเร็จของวิธีปฏิบัตินี้ กฎระเบียบต่างๆจึงถูกกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงประโยชน์นี้เป็นหลัก กฎเกณฑ์ต่างๆ มิได้ตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของอาจารย์ผู้สอน หรือเพื่อความสะดวกในการบริหาร หรือมาจากประเพณี หรือความเชื่อที่งมงายแต่อย่างใด แต่ได้ยึดเอาจากประสบการณ์ของผู้ปฏิบัตินับพันนับหมื่นคนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา การรักษากฎระเบียบจะทำให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการปฏิบัติ แต่การฝ่าฝืนกฎระเบียบจะทำลายบรรยากาศในการปฏิบัติไป

️ผู้เข้ารับการอบรมจำเป็นต้องอยู่จนครบหลักสูตร ดังนั้น ก่อนสมัครท่านควรอ่านกฎระเบียบต่างๆอย่างละเอียดและพิจารณาให้รอบคอบ เฉพาะผู้ที่คิดว่าจะสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้อย่างเคร่งครัดได้เท่านั้น ควรตัดสินใจสมัครเข้ารับการอบรม ผู้ที่ไม่พร้อมที่จะทุ่มเทความพยายามในการปฏิบัติไม่ควรสมัคร เพราะจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งยังจะเป็นการรบกวนผู้อื่นที่ตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจังอีกด้วย และควรเข้าใจด้วยว่า จะเป็นการเสียประโยชน์และไม่สมควรที่จะออกจากหลักสูตรกลางคัน เพราะพบว่ากฎระเบียบยากเกินไปที่จะปฏิบัติตาม และในทำนองเดียวกัน จะน่าเสียดายที่สุด หากผู้เข้ารับการอบรมไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และต้องถูกขอให้ออกจากหลักสูตรไปทั้งๆ ที่ถูกเตือนหลายครั้งแล้ว

ผู้ป่วยทางจิตประสาทอย่างรุนแรง

บางครั้งผู้ป่วยทางจิตอย่างรุนแรงสมัครเข้ารับการอบรมวิปัสสนาด้วยความคาดหวังว่า วิธีปฏิบัตินี้จะช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการป่วยของตนได้ แท้จริงแล้ว ปัญหาเรื่องความผันแปรทางอารมณ์และประวัติการรักษาทางจิตเวชอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติวิปัสสนา ทำให้ผู้ปฏิบัติไม่ได้รับประโยน์จากการเข้าหลักสูตร หรือไม่สามารถอยู่จนจบหลักสูตรได้ แม้การปฏิบัติวิปัสสนาจะมีประโยชน์สำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่วิธีที่จะนำมาใช้รักษาแทนแพทย์หรือจิตแพทย์ เนื่องจากศูนย์ฯให้บริการโดยอาสาสมัครทั้งสิ้น เราจึงไม่สามารถดูแลบุคคลที่มีปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาทางจิตประสาทอย่างรุนแรงจึงไม่ควรสมัครเข้ารับการอบรม

คำแนะนำในการเข้าอบรม

รากฐานของการปฏิบัติวิปัสสนาคือศีล — ข้อปฏิบัติอันดีงามถูกต้อง  ศีล เป็นพื้นฐานในการพัฒนาสมาธิ — ความตั้งมั่นของจิต และกระบวนการชำระจิตให้บริสุทธิ์นั้นจะเกิดขึ้นจาก ปัญญา — คือการรู้แจ้งเห็นจริง 

ศีล

ผู้เข้ารับการอบรมวิปัสสนาเป็นครั้งแรกทุกท่าน จะต้องรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดตลอดการอบรม ได้แก่: 

  1. เว้นจากการฆ่าสัตว์;
  2. เว้นจากการลักทรัพย์;
  3. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม;
  4. เว้นจากการพูดเท็จ;
  5. เว้นจากการเสพของมึนเมา;

สำหรับผู้ปฏิบัติเก่า ซึ่งคือผู้ที่เคยผ่านการอบรมหลักสูตร 10 วัน กับท่านอาจารย์โกเอ็นก้า หรืออาจารย์ผู้ช่วยสอนมาแล้ว จะต้องถือศีลเพิ่มอีก 3 ข้อในระหว่างการอบรม คือ:

  1. เว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล;
  2. เว้นจากการดูละคร ฟ้อนรำ และการใช้เครื่องหอมตกแต่งร่างกาย;
  3. เว้นจากการนอนบนที่นอนหนาและอ่อนนุ่ม

หรับศีลข้อ 6 ผู้ปฏิบัติเก่าสามารถดื่มได้แต่เพียงน้ำปานะ หรือชาไม่ใส่นม ในเวลาพัก 5 โมงเย็น ในขณะที่ผู้ปฏิบัติใหม่จะดื่มนม น้ำชา หรือรับประทานผลไม้ได้ แต่ผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ สามารถขออนุญาตอาจารย์เพื่อยกเว้นการรักษาศีลข้อนี้ ส่วนศีลข้อ 7 และ 8 นั้น ผู้ปฏิบัติเก่าทุกคนจะต้องรักษาอย่างเคร่งครัด

การยอมรับอาจารย์และวิธีการปฏิบัติ

ตลอดหลักสูตรการอบรม ท่านจะต้องยอมรับที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสอนของอาจารย์ผู้สอนทุกประการ นั่นคือท่านจะต้องทำตามกฎระเบียบ และปฏิบัติตามวิธีการที่อาจารย์สอนโดยไม่มีการแต่งเติมหรือตัดทอนใดๆ ทั้งสิ้น และควรยอมรับด้วยความเข้าใจไม่ใช่ความเชื่ออย่างมืดบอด ความเชื่อมั่นในอาจารย์ผู้สอนเท่านั้น ที่จะทำให้ท่านมีความตั้งใจมั่นในการฝึกฝน สิ่งนี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการปฏิบัติของท่าน

วิธีการปฏิบัติ พิธีกรรม และรูปแบบการบูชาอื่นๆ

ในระหว่างการฝึกปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ท่านจะต้องงดพิธีกรรมและข้อวัตรปฏิบัติทางศาสนาทั้งหมด เช่น การถือศีลอดอาหาร การจุดธูปเทียน การนับลูกประคำ การร่ายมนต์คาถา การสวดมนต์ การขับร้อง และฟ้อนรำ นอกจากนี้ จำเป็นต้องละเว้นการปฏิบัติกรรมฐานในรูปแบบอื่นๆ หรือการปฏิบัติเพื่อการบำบัดรักษาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้มิใช่เป็นการต่อต้านการปฏิบัติวิธีอื่นๆ แต่เพื่อให้ท่านสามารถพิจารณาถึงผลซึ่งมาจากการปฏิบัติวิธีนี้อย่างไม่คลางแคลงใจ ว่าไม่ได้เกิดจากการนำวิธีปฏิบัติอื่นเข้ามาผสม

การนำวิธีปฏิบัติอื่นๆมาผสมผสานกับวิธีการปฏิบัตินี้ จะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าหรืออาจจะทำให้การปฏิบัติถดถอย แม้จะมีคำเตือนซ้ำๆจากอาจารย์ก็ตาม แต่ก็ยังเกิดกรณีที่ผู้ปฏิบัติจงใจนำพิธีกรรมหรือวิธีปฏิบัติอื่นๆมาผสมผสานกับวิธีปฏิบัตินี้ จนทำให้เกิดอันตรายต่อตนเอง หากท่านมีความสงสัยหรือเกิดความสับสนที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติ ขอให้ท่านเข้าพบอาจารย์เพื่อขอคำแนะนำหรือคำอธิบาย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง

การเข้าพบอาจารย์

ท่านสามารถเข้าพบอาจารย์เป็นการส่วนตัวได้ในระหว่างเวลา 12.00 - 13.00 น. และสามารถสอบถามปัญหากับอาจารย์ในห้องปฏิบัติรวมระหว่างเวลา 21.00 - 21.30 น. ช่วงเวลาสอบถามปัญหานี้มีไว้เพื่อชี้แจงวิธีการปฏิบัติ หรืออธิบายข้อสงสัยใดๆ จากธรรมบรรยายในตอนเย็น

กฎการรักษาความเงียบ

ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนต้องรักษาความเงียบอันประเสริฐ นับตั้งแต่เริ่มหลักสูตรจนถึงเช้าของวันที่ 10  การรักษาความเงียบนี้หมายรวมถึงความเงียบทั้งทางกาย วาจา และใจ โดยจะต้องไม่มีการพูดจา และต้องงดการสื่อสารกับผู้ปฏิบัติอื่นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ทั้งออกท่าทาง เขียนโน้ต หรือทำสัญญาณต่างๆ

️ท่านสามารถสอบถามปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติกับอาจารย์ได้เมื่อจำเป็น และติดต่อธรรมบริกรได้ หากมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่พัก อาหาร และอื่นๆ  แต่ควรพูดให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่านควรตระหนักว่า ตนเองกำลังปฏิบัติอย่างจริงจัง เสมือนอยู่คนเดียว 

การแบ่งแยกชายหญิง

มีการแยกชายหญิงอย่างเด็ดขาดตลอดการอบรม แม้กระทั่งคู่สมรสก็ไม่ควรติดต่อสื่อสารกันในระหว่างการอบรม เช่นเดียวกันกับเพื่อน คนในครอบครัว หรือผู้ปฏิบัติอื่น

การสัมผัสทางกาย

สิ่งสำคัญคือ จะต้องไม่มีการสัมผัสกันทางกายใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะระหว่างเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ตลอดระยะเวลาการอบรมและตลอดเวลาที่อยู่ในศูนย์ฯ

โยคะและการออกกำลังกาย

แม้การฝึกโยคะหรือการออกกำลังกายจะไม่ขัดต่อการปฏิบัติ แต่ระหว่างการเข้ารับการอบรมนี้ ท่านควรหยุดสิ่งเหล่านี้ไว้ก่อน รวมถึงการวิ่งออกกำลังกาย เพราะศูนย์ปฏิบัติไม่มีสถานที่ที่จัดไว้สำหรับกิจกรรมดังกล่าว ท่านสามารถเดินออกกำลังกายได้ในระหว่างชั่วโมงพักในบริเวณที่กำหนดให้

เครื่องรางของขลัง ลูกประคำ สิ่งบูชา หรือศาสนวัตถุอื่นๆ

ไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์เหล่านี้เข้ามาในบริเวณศูนย์ฯ หากมีการนำเข้ามาโดยมิได้ตั้งใจ ท่านจะต้องฝากไว้กับผู้จัดการหลักสูตรจนกว่าจะจบการอบรม

สิ่งเสพติดมึนเมา

️ห้ามนำเอาสุราหรือของมึนเมา รวมทั้งยากล่อมประสาท ยานอนหลับ และยาระงับประสาทเข้ามาในศูนย์ฯ หากท่านต้องรับประทานยาเหล่านี้ตามแพทย์สั่ง ควรแจ้งให้อาจารย์ทราบ

บุหรี่

เพื่อสุขภาพและความสบายใจของผู้ปฏิบัติทุกท่าน ห้ามสูบบุหรี่ เคี้ยวยาเส้น หรือดมยาใดๆ ตลอดระยะเวลาการอบรม

อาหาร

เนื่องจากศูนย์ฯ ไม่สามารถจะจัดหาอาหารพิเศษตามความต้องการของผู้ปฏิบัติทุกท่านได้ จึงขอให้ผู้เข้ารับการอบรมรับประทานอาหารมังสวิรัติที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับการปฏิบัติ ที่ศูนย์ฯ จัดเตรียมไว้ให้ และไม่อนุญาตให้อดอาหาร  หากท่านใดมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และต้องรับประทานอาหารตามที่แพทย์กำหนด ควรระบุไว้ในใบสมัคร

การแต่งกาย

️การแต่งกายควรเรียบง่ายและใส่สบาย ท่านไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดตึงหรือโปร่งใส เสื้อไม่มีแขน สายเดี่ยว กระโปรงสั้น กางเกงรัดรูป หรือกางเกงขาสั้น ห้ามอาบแดดหรือเปลือยบางส่วนโดยเด็ดขาด  ข้อห้ามเหล่านี้มีความสำคัญมาก ทั้งนี้เพื่อมิให้รบกวนผู้ปฏิบัติอื่น

การซักผ้าและการอาบน้ำ

ทางศูนย์ฯ ไม่มีเครื่องซักผ้าหรือเครื่องอบผ้าบริการ ท่านจึงควรเตรียมเสื้อผ้าให้เพียงพอที่จะใช้ตลอดระยะเวลาการอบรม ท่านสามารถซักผ้าชิ้นเล็กๆ เองได้ การอาบน้ำหรือซักผ้าควรทำในช่วงเวลาพักเท่านั้น ไม่ใช่ในระหว่างชั่วโมงปฏิบัติ

การติดต่อกับบุคคลภายนอก

️ท่านจะต้องอยู่ในบริเวณที่กำหนดตลอดหลักสูตร และสามารถออกไปภายนอกได้เฉพาะในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากอาจารย์เท่านั้น ห้ามมีการติดต่อสื่อสารใดๆกับโลกภายนอก ซึ่งรวมถึงการใช้โทรศัพท์ การเขียนจดหมาย และการพบปะผู้ที่มาเยี่ยม ท่านต้องฝากโทรศัพท์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆไว้กับฝ่ายจัดการจนกว่าจะจบหลักสูตร ในกรณีฉุกเฉิน ญาติหรือเพื่อนสามารถติดต่อมาทางฝ่ายจัดการได้

ดนตรี การอ่านและเขียนหนังสือ

ไม่อนุญาตให้เล่นดนตรี ฟังวิทยุ และนำหนังสือหรือเครื่องเขียนเข้ามาในศูนย์ฯ ท่านไม่ควรรบกวนตนเองด้วยการจดบันทึก ข้อห้ามในการอ่านและเขียนนี้มีไว้ เพื่อท่านจะได้ให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติวิปัสสนาอย่างเคร่งครัด

เครื่องบันทึกเทปและกล้องถ่ายรูป

ห้ามนำเครื่องบันทึกเทปและกล้องถ่ายรูปเข้ามาในศูนย์ฯ นอกจากจะได้รับการยกเว้นจากอาจารย์ผู้สอนเท่านั้น

ทุนทรัพย์ในการดำเนินงาน

เพื่อให้การเผยแพร่ธรรมะเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอบรมจึงมาจากเงินบริจาคแต่เพียงอย่างเดียว ทางศูนย์จะรับเงินบริจาคจากผู้ที่เคยผ่านหลักสูตร 10 วัน กับท่านอาจารย์โกเอ็นก้า หรืออาจารย์ผู้ช่วยสอนมาแล้วเท่านั้น การรับบริจาคจะทำในวันสิ้นสุดการอบรม

ด้วยเหตุนี้ เงินที่ใช้ในการจัดการอบรมทั้งหมด จึงมาจากผู้ที่ได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติวิธีนี้ และปราถนาให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์เช่นเดียวกัน โดยสามารถบริจาคตามกำลังและศรัทธาของท่าน เงินบริจาคนี้เป็นแหล่งเงินทุนเดียวที่นำมาใช้ในการจัดอบรม ศูนย์ปฎิบัติธรรมทุกแห่งไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากมูลนิธิหรือบุคคลใด อาจารย์และผู้จัดการศูนย์ฯ ล้วนไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ จากการจัดอบรม ด้วยวิธีนี้ธรรมะจึงเผยแพร่ออกไปได้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง

️ดังนั้นไม่ว่าการบริจาคของท่านจะมากหรือน้อย ขอให้มาจากเจตนาที่บริสุทธิ์ เจตนาที่ปรารถนาจะช่วยให้ผู้อื่นได้มีโอกาสพบกับธรรมะอันบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน "ในเมื่อมีผู้ที่เคยผ่านการอบรมได้ออกค่าใช้จ่ายให้กับข้าพเจ้าในครั้งนี้ ขณะนี้ขอให้เป็นโอกาสของข้าพเจ้าที่จะให้ทาน เพื่อให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติวิปัสสนาเช่นเดียวกับข้าพเจ้า"

สรุป

สาระสำคัญของกฎระเบียบต่างๆ อาจสรุปได้ดังนี้

โปรดระมัดระวังการกระทำของท่านให้มาก อย่าให้ไปรบกวนผู้อื่น และอย่าสนใจหากท่านถูกผู้อื่นรบกวน

อาจเป็นไปได้ว่า ท่านอาจไม่เข้าใจเหตุผลของกฎระเบียบข้อใดข้อหนึ่ง หากเป็นเช่นนั้น ท่านควรไปขอคำอธิบายจากอาจารย์ให้เกิดความกระจ่างแทนที่จะปล่อยให้ตนเองเกิดความเคลือบแคลงและเข้าใจผิดมากขึ้น

การปฏิบัติตามกฎระเบียบและความพยายามที่จะปฏิบัติอย่างเต็มที่เท่านั้น ที่จะทำให้ท่านเข้าใจวิธีปฏิบัติและได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติอย่างเต็มที่ สิ่งที่ต้องเน้นในการอบรมคือ "ปฏิบัติ ปฏิบัติ ปฏิบัติ" หลักสำคัญคือปฏิบัติให้เหมือนกับว่า ท่านปฏิบัติอยู่ตามลำพัง ด้วยจิตที่ระลึกรู้อยู่แต่ภายใน เพิกเฉยต่อสิ่งรบกวน และความไม่สะดวกสบายที่อาจได้รับ 

ประการสุดท้าย ท่านควรตระหนักว่า ความก้าวหน้าในการปฏิบัติวิปัสสนาขึ้นอยู่กับบารมี และการพัฒนาปัจจัยทั้ง 5 ภายในตน ซึ่งได้แก่ ความเพียร ความเชื่อมั่น ความจริงใจ สุขภาพพลานามัย และปัญญา

ขอให้กฎระเบียบ และข้อแนะนำต่างๆ เหล่านี้ช่วยให้ท่านได้รับประโยชน์สูงสุดจากการเข้าอบรม เรายินดีที่ได้มีโอกาสให้บริการแก่ท่าน ขอให้ทุกท่านได้รับความสงบและสันติสุขจากการปฏิบัติวิปัสสนาโดยทั่วกัน

ตารางเวลาการอบรม

ตารางเวลาของการอบรมถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการปฏิบัติ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ท่านจึงควรปฏิบัติตามตารางเวลาอย่างเคร่งครัด

04:00 น.   ระฆังปลุก
04:30 น. - 06:30 น.   นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. - 08:00 น.   อาหารเช้า
08:00 น. - 09:00 น.   ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. - 11:00 น.   ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. - 12:00 น. เที่ยง   อาหารกลางวัน
12:00 น. - 13:00 น.   พักผ่อน และเข้าพบอาจารย์
13:00 น. - 14:30 น.   ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. - 15:30 น.   ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น - 17:00 น.   ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. - 18:00 น.   พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. - 19:00 น.   ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. - 20:15 น.   ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. - 21:00 น.   ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. - 2130 น.   สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น.   พักผ่อน--ดับไฟ

ท่านสามารถดาวน์โหลดกฎระเบียบสำหรับการเข้าอบรมข้างต้นในรูปแบบ Adobe Acrobat ได้ ที่นี่ กรุณาอ่านกฎระเบียบนี้โดยละเอียด ก่อนกรอกใบสมัคร ท่านสามารถสมัครเข้าอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน โดยกรอกและส่งใบสมัครหลักสูตรที่ท่านต้องการตามตารางอบรมหน้าเว็บไซต์ ท่านสามารถสมัครเข้าอบรมหลักสูตรวิปัสสนากรรมฐาน โดยการกรอกใบสมัครและส่งตามตารางอบรมหน้าเว็บไซต์